Social Credit ในปี 2020 เพื่อใช้ตัดสินความน่าเชื่อถือต่างๆ ของประชาชนจ
top of page

Social Credit ในปี 2020 เพื่อใช้ตัดสินความน่าเชื่อถือต่างๆ ของประชาชนจีน


เรื่องของ Artificial Intelligence นั้น ห้ามมองข้ามประเทศจีนโดยล่าสุดมีข่าวออกมาว่ารัฐบาลจีนวางแผนจะปล่อยระบบ Social Credit ในปี 2020 เพื่อใช้ตัดสินความน่าเชื่อถือต่างๆ ของประชาชนจำนวน 1.3 พันล้านคน

เจ้าระบบนี้จะคอยติดตามแต่ละคนไปทุกที่ ไม่ว่าจะไปซื้อของที่ไหน ทำอะไร พบปะหรือมีกิจกรรมร่วมกับใคร ซึ่งผู้ที่คอยติดตามและให้คะแนนความประพฤติ (เรียกว่า Sesame Credit) ก็คือรัฐบาลจีน โดยทางรัฐบาลจีนอ้างว่า เพื่อเป็นมาตรฐานให้กับความ “ซื่อสัตย์ และจริงใจ”

ซึ่งระบบที่ว่านี้ ทางรัฐบาลจีนได้ขอความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น China Rapid Finance, Tencent เจ้าของ WeChat ที่มีผู้ใช้กว่า 850 ล้านคน , Alibaba เจ้าของ Alipay ซึ่งมี Fin Tech Platform ที่ออกแบบมาไม่เพียงแต่เป็นช่องทางการทำธุรกรรมการเงิน แต่ยังเป็นแหล่งข้อมูลลักษณะการจับจ่ายต่างๆ รวมถึงการคำนวน tax อีกด้วย และยังมีบริษัทเทคอื่นๆ เช่น Didi Chuxing บริษัทเรียกรถแท๊กซี่ ที่ทำให้ Uber ต้องถอนทัพออกจากประเทศจีนอีกด้วย

คะแนนความน่าเชื่อถือของประชากรมีตั้งแต่ 350 – 950 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นการให้คะแนนตามกิจกรรมต่างๆ เช่น การ shopping หรือ ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ฟังดูเหมือนน่ากลัว แต่ดูเหมือนว่า ประชากรจีนไม่ได้ต่อต้านระบบนี้เท่าไหร่นัก เพราะหากคุณมีคะแนนตั้งแต่ 600 คะแนนเป็นต้นไป เขาจะมีโอกาสในการขอสินเชื่อเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์ได้สูงถึง 5,000 หยวน (ประมาณ 25,000 บาท) หรือถ้ามีคะแนนสูงถึง 650 คุณจะสามารถเช่ารถได้โดยไม่ต้องมีค่ามัดจำ ความพิเศษสูงขึ้นเรื่อยๆ หากคะแนนสูงถึง 700 คุณจะสมัครไปเที่ยวสิงคโปรได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเอกสารประกอบการยื่นคำร้อง และหากคะแนนสูงไปถึง 750 คะแนน คุณจะได้ Fast-traced ในการขอวีซ่ายุโรป

แต่ในทางกลับกับหากมีคะแนนต่ำก็จะถูกลงโทษ เช่น ให้ความเร็วในการใช้ internet ต่ำลง, ห้ามไม่ให้เข้าร้านอาหารบางร้าน และห้ามเที่ยวต่างประเทศ รวมไปถึงอาจมีผลต่อการจ้างงาน

แน่นอนว่า ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนักวิชาการบางท่าน ก็โต้แย้งว่าการทำระบบแบบนี้มันทำให้มนุษย์ไม่เป็นมนุษย์จนเกินไป

หากเอาความเป็นจริงแล้ว ทุกวันนี้ ชีวิตของเราก็ถูกให้คะแนนแบบที่เราไม่รู้ตัว และตัวเราเองก็แลดูจะชอบคะแนนนั้นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเข้าร้านอาหาร ก็ต้องกดดู Review จะไปพบหมอก็ต้องดูประวัติหมอ ส่วนเรื่องการ track ข้อมูลนั้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google ก็มีข้อมูลส่วนตัวของเราเก็บไว้โดยที่เราเป็นคนสร้างข้อมูลนั้นเองเสียด้วย ข้อมูลพวกนี้เป็น Big Data อย่างที่ไม่ต้องสงสัย ทำให้ในการสร้าง Algorithm เพื่อระบุตัวตน ให้คะแนน หรือทำนายอะไรก็ตาม มีความแม่นยำที่ค่อนข้างสูง

การ Track ประชากรนี้ ก็มีข้อดีอื่นๆ อีกด้วย เช่น ที่อเมริกา ใช้เพื่อการรักษาความปลอดภัย ป้องกันอาชญากรรม

ดังนั้น การที่ประเทศจีนออกมาประกาศชัดเจนว่าจะทำระบบ Track ประชากรเพื่อให้คะแนนความประพฤติ ที่ฟังดูน่ากลัว น่าตกใจ แท้จริงก็คงไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพียงแต่เขาทำให้เห็นเป็นกิจลักษณะกันไปเลย

โลกกำลังเปลี่ยนไป เข้าสู่สังคม Artificial Intelligence อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เรากลายเป็นผู้ถูกควบคุม เราจึงควรทำความเข้าใจตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อสร้างความพร้อม ในการเป็นผู้ใช้งาน AI แทนที่จะเป็นผู้ที่ถูก AI ใช้งาน และเมื่อวันนั้นมาถึง เราก็จะใช้ชีวิตได้สบายขึ้น และสนุกกับเทคโลโนยีล้ำๆ ต่างๆ นี้ได้ โดยที่ไม่ต้องกังวล

อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่ >>> https://www.wired.co.uk/…/chinese-government-social-

< Previous
Next >
bottom of page