Artificial Intelligence vs. Machine Learning vs. Deep Learning คืออะไร งงกันไปหมด

อัพเดตเมื่อ: 3 เม.ย. 2023

กระแส Digital กำลังมาแรง เกิดคำศัพท์ใหม่ๆ เข้ามาทำให้เราติดตามกันแทบไม่ทัน ซึ่งวันนี้ ขอนำเสนอสามคำนี้ ให้เข้าใจกันง่ายๆ

หากเรามองตามรูป Artificial Intelligence (AI) ก็เป็นเหมือนเครื่องมือ Robot หรืออะไรก็ตามที่มีการกระทำเกิดขึ้น เช่น เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ ที่มีเซนเซอร์ป้องกันการตกบันได และตรวจจับฝุ่นละอองได้ รถยนต์ขับเคลื่อนแบบไร้มนุษย์ หรือแม้กระทั้ง Facebook ที่เรากำลังใช้งานกันอยู่ก็สามารถแนะนำสื่อใหม่ๆ ให้เราได้โดยการเรียนรู้จากสิ่งที่เราสนใจ

ซึ่งสมองของ AI คือ Machine Learning (ML) นั้นคือ การเรียนรู้จากสิ่งที่เราเข้าไปกระตุ้น แล้วจดจำเอาไว้เป็นมันสมอง ส่งผลลัพธ์ออกมาเป็นตัวเลข หรือ code ที่ส่งต่อไปแสดงผล หรือให้เจ้าตัว AI นำไปแสดงการกระทำ ML เองสามารถเอาไปใช้งานได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่ Credit Scoring เพื่อวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือทางการเงินของบุคคล การพยากรณ์สภาพอากาศ การวิเคราะห์เสียง หรือแม้กระทั่งการแปลภาษา

การที่ ML จะเรียนรู้ จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยกลไกที่เป็นโปรแกรม หรือเรียกว่า Algorithm ที่มีหลากหลายแบบ โดยมี Data Scientist เป็นผู้ออกแบบ หนึ่งใน Algorithm ที่ได้รับความนิยมสูง คือ Deep Learning ซึ่งถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย และประยุกต์ใช้ได้หลายลักษณะงาน อย่างไรก็ตาม ในการทำงานจริง Data Scientist จำเป็นต้องออกแบบตัวแปรต่างๆ ทั้งในตัวของ Deep Learning เอง และต้องหา Algorithm อื่นๆ มาเป็นคู่เปรียบเทียบ เพื่อมองหา Algorithm ที่เหมาะสมที่สุดในการใช้งานจริง

ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็น AI หรือ ML ก็ต่างเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา แบบใกล้ตัวที่เราอาจจะไม่รู้ตัว และในอนาคต มีการคาดเดากันว่า AI จะเข้ามาบุกตลาดแรงงาน และเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องที่มือใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างแน่นอน

"แท้จริงแล้ว AI ไม่ได้น่ากลัว หากเราเข้าใจ และรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ทัน เราก็จะเป็นผู้ใช้งาน AI ได้อย่างชาญฉลาดนั้นเอง"

    2